ผ้าพื้นเมืองในแต่ละภาคของไทย

ในปัจจุบันการทอผ้าพื้นบ้านพื้นเมืองหลายแห่งยังทอลวดลาย สัญลักษณ์ดั้งเดิม โดยเฉพาะในชุมชนที่มีเชื้อสายชาติพันธุ์บางกลุ่มที่กระจายตัวกันอยู่ในภาคต่าง ๆ ของประเทศไทย ศิลปะการทอผ้าของกลุ่มชนเหล่านี้จึงนับว่าเป็นเอกลักษณ์เฉพาะกลุ่มอยู่จนถึงทุกวันนี้ หากจะแบ่งผ้าพื้นเมืองของกลุ่มชนเหล่านี้ตามภาคต่าง ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น ก็อาจจะแบ่งคร่าว ๆ ได้ดังนี้

1. ผ้าในภาคเหนือหรือดินแดนล้านนา ใน 8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน อันประกอบไปด้วย จังหวัดเชียงราย พะเยา ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในกลุ่มชาวไทโยนกหรือไทยวน และชาวไทลื้อ ซึ่งเป็นกลุ่มชนดั้งเดิมของล้านนาไทย ยังคงความเชื่อและการทอผ้าแบบดั้งเดิมไว้ได้อย่างหนาแน่น โดยผู้หญิงชาวไทยวนหรือคนเมือง ยังคงทอซิ่นตีนจก ซึ่งมีแหล่งทอที่มีชื่อเสียง คือ อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ และอำเภอลอง จังหวัดแพร่ ส่วนชาวไทลื้อในปัจจุบัน ก็ยังรักษาวัฒนธรรมการทอผ้าในรูปแบบและลวดลายที่สืบทอดกันมา โดยในผ้าซิ่นจะมีลวดลายทั้งเทคนิคจก เกาะ และขิด แต่เทคนิคที่สำคัญและเป็นที่รู้จักกันทั่วไปของกลุ่มไทลื้อ คือ เทคนิคการเกาะ ให้ผ้ามีลวดลายซิกแซก หรือที่เรียกกันว่า “ลายน้ำไหล” มีแหล่งทอที่มีชื่อเสียง เช่น อำเภอเชียงคำ จังหวัดพะเยา อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงราย อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นต้น

ส่วนการทอผ้าไหมยกดอกนั้น รู้จักกันในหมู่เจ้านายชั้นสูงในภาคเหนือ พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้ทรงเผยแพร่เทคนิคนี้ และฝึกอบรมให้หญิงชาวบ้านตามหมู่บ้านหลายแห่ง เช่น ในจังหวัดเชียงใหม่ และลำพูน รู้จักทอจนทำกันเป็นอุตสาหกรรมในหมู่บ้านหลายแห่งจนถึงทุกวันนี้

ผ้าซิ่นตีนจกของจังหวัดเชียงใหม่
ผ้าซิ่นตีนจกของจังหวัดเชียงใหม่
ผ้าซิ่นคำเคิบของจังหวัดน่าน
ผ้าซิ่นคำเคิบของจังหวัดน่าน

2. ผ้าในภาคกลางในเขตภาคกลางตอนบน อันประกอบไปด้วย จังหวัดพิษณุโลก พิจิตร อุตรดิตถ์ และสุโขทัย) และภาคกลางตอนล่าง คือ จังหวัดอุทัยธานี ชัยนาท สุพรรณบุรี สระบุรี ลพบุรี นครปฐม ราชบุรี เพชรบุรี มีกลุ่มชนชาวไทยวนและชาวไทลาว อพยพไปตั้งถิ่นฐานอยู่ พวกไทลาวนั้นมีหลายเผ่า เช่น พวน โซ่ง ผู้ไท ครั่ง ฯลฯ ซึ่งอพยพเข้ามาเพราะการทำสงครามและกวาดต้อนผู้คนเหล่านั้นเข้ามา ชาวไทยวนและไทลาวเหล่านี้ยังคงรักษาวัฒนธรรมและเอกลักษณ์เฉพาะถิ่นไว้ได้ โดยเฉพาะวัฒนธรรมการทอผ้าของผู้หญิงที่ใช้เทคนิคจกในการทำตีนจก และการขิดเพื่อตกแต่งเป็นลวดลายบนผ้าที่ใช้นุ่งในเทศกาลต่าง ๆ หรือใช้ทำเครื่องนอน เช่น หมอน ผ้าห่ม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขาวม้า ฯลฯ แม้ว่าในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจและสังคมเปลี่ยนไปมาก คนไทยเหล่านี้ก็ยังยึดอาชีพทอผ้าเป็นอาชีพรองต่อจากการทำนาซึ่งเป็นอาชีพหลัก เช่นเดียวกันกับผ้าในภาคเหนือ ลวดลายที่ตกแต่งบนผืนผ้าที่ทอโดยกลุ่มชนต่างเผ่ากันในภาคกลางนี้ก็มีลักษณะและสีสันแตกต่าง กัน จนผู้ที่ศึกษาคุ้นเคยสามารถจะระบุแหล่งที่ผลิตผ้าได้จากลวดลายและสี

ผ้าซิ่นตีนจกไทยวน คูบัว จ.ราชบุรี
ผ้าซิ่นลาวครั่ง จ.อุทัยธานี

3. ผ้าในภาคอีสานในภาคอีสานมีชุมชนตั้งถิ่นฐานโดยอาศัยบริเวณที่มีความอุดมสมบูรณ์จากลำห้วย หนองบึง หรือแม่น้ำ กลุ่มคนไทยเชื้อสายลาวเป็นชนกลุ่มใหญ่ของภาคอีสาน กระจายกันอยู่ตามจังหวัดต่าง ๆ และมีวัฒนธรรมการทอผ้าอันเป็นประเพณีของผู้หญิงที่สืบทอดกันมาช้านานเกือบทุกชุมชน แต่ละกลุ่มแต่ละเผ่าก็จะมีลักษณะและลวดลายการทอผ้า ที่แปลกเป็นของตัวเองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการทอผ้าที่มีชื่อเสียงของภาคอีสานคือ การทำผ้าไหมมัดหมี่เพื่อใช้เป็นผ้าถุง หรือผ้าขิดที่งดงามอย่างผ้าแพรวา ซึ่งแต่เดิมนั้นใช้เป็นผ้าเบี่ยงหรือผ้าสไบ แต่ปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนให้สามารถนำไปตัดเย็บเป็นเสื้อผ้าได้

ผ้าซิ่นไหมมัดหมี่ในภาคอีสาน
ผ้าแพรวาของชาวภูไท จ.กาฬสินธ์

4. ผ้าในภาคใต้ภาคใต้มีแหล่งทอผ้าที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง โดยเฉพาะแหล่งทอผ้ายกดิ้นเงินดิ้นทอง ซึ่งสันนิษฐานว่าได้รับอิทธิพลจากชาวมุสลิม ชาวอาหรับ ที่มาค้าขายตั้งแต่สมัยโบราณ และต่อมาผ้ายกเงินยกทองได้กลายเป็นที่นิยมในหมู่ชนชั้นสูงของอาณาจักรไทยในภาคกลาง บรรดาพวกเจ้าเมืองและข้าราชการหัวเมืองภาคใต้จึงต่างสนับสนุนให้ลูกหลานและชาวบ้านทอกันเป็นล่ำเป็นสัน โดยเฉพาะที่เมืองนครศรีธรรมราช เมืองสงขลา และที่ตำบล พุมเรียง อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี ล้วนเคยเป็นแหล่งทอผ้าที่มีชื่อเสียงมากในอดีต เป็นที่กล่าวขวัญถึงและนิยมกันมากในหมู่ขุนนางสมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันผ้ายกเมืองนคร มีผู้บริจาคให้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช และจัดแสดงให้ประชาชนชมอยู่ในห้องผ้าของพิพิธภัณฑ์จำนวนมาก แต่ช่างทอที่มีชื่อเสียงเสียชีวิตไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ และมีผู้สืบทอดความรู้ไว้น้อยมาก จึงไม่มีการทอกันเป็นล่ำเป็นสันเหมือนสมัยโบราณ

นอกจากนี้ยังมีการทำผ้าด้วยเทคนิคบาติกหรือการเขียนเทียน ซึ่งคงได้รับอิทธิพลมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการทำผ้าบาติกนี้ในปัจจุบันได้กลายเป็นสินค้าที่ระลึกของภาคใต้ และได้รับความนิยมใช้กันทั่วไป

ผ้ายกลายราชสีห์เข้าถ้ำที่มีชื่อเสียง ของอ.พุมเรียง จ.สุราษฏร์ธารี

วสิน อุ่นจะนำ เรียบเรียง

Leave a Comment